Crystal Swarovski
สวาอฟสกี้
เป็นกลุ่มบริษัทครอบครัวผู้ผลิตคริสตัลชั้นนำของโลก ซึ่งได้ก่อตั้งขึ้นกว่า 100
ปีมากแล้ว ที่เมืองวัทเทนส์แคว้นทีโรล ประเทศออสเตรีย โดยมีผู้ก่อตั้งคือ แดเนียล
สวารอฟสกี้ ซึ่งเดินทางจากโบฮีเมียมาตั้งรกรากอยู่ที่แคว้นทีโรล ในออสเตรีย
เมื่อปี 2438
พร้อมกับการนำนวัตกรรมที่ปฏิวัตอุตสาหรรมการเจียระไนคริสตัลมาด้วย
ผลิตภัณฑ์คริสตัลทั้งเครื่องประดับ แฟชั่น จิวเวลรี่ไฟแสงสว่าง
ผลิตภัณฑ์ของขวัญและของสะสมจากคริสตัล
ด้วยศิลปะการออกแบบที่เป็นที่กล่าวขวัญถึงทั่วไป ให้สินค้าในไลน์ของแดเนียล สวารอฟสกี้
ปารีสและ สวรอฟสกี้ จิวเวลรี่ เป็นที่นิยมทั่วไป
ในปี ค.ศ. 1995 ได้มีการเปิดสวารอฟสกี้ คริสตัล
เวิลด์ พิพิธภัณฑ์คริสตัลเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมงานคริสตัล นอกจากนี้
กลุ่มบริษัทนี้ยังประกอบด้วย ทีโรลิต
ผู้ผลิตอุปกรณ์และเครื่องมือการเจียระไนและสวารอฟสกี้ ออพติก
ซึ่งเป็นผู้นำการผลิตอุปกรณ์ออพติกในการล่าลัตว์และชมธรรมชาติด้วย
ในปี 2005
สวารอฟสกี้ประสบความสำเร็จด้านยอดการขายรวมกลุ่มทั้งสิ้นเป็นจำนวนเงินถึง 2.14
พันล้านยูโร และขณะนี้ บริษัทนี้มีจำนวนพนักงานทั้งสิ้นประมาณ 17,000
คน ผู้สนใจเรื่องราวของสวารอฟสกี้และเสน่ห์แห่งคริสตัลสามารถเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์คริสตัล
(Crystal) ก็คือแก้วนั่นเอง
เป็นแก้วที่ผ่านกรรมวิธีผลิตและเจียระไน ด้วยฝีมือช่างชั้นเลิศ
ดังนั้นไม่ต้องสงสัยว่า ทำไมคริสตัลถึงราคาแพง
เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะตัดเหลี่ยมตัดมุมแก้วให้สะท้อนแสงระยิบระยังเหมือนอัญมณีชั้นเลิศได้อย่างที่เราเห็นคริสตัลทำจากแก้วคุณภาพสูง
หรือที่รู้จักกันดีว่าเป็นแก้วผสมตะกั่ว-ด่าง (lead-alkali glass) บางทีเป็นแก้วที่ผสมธาตุโปแตช
ปูนขาว ซิลิก้า
ซึ่งล้วนทำให้แก้วมีเนื้อละเอียดและแข็งแรงทนทานกว่าแก้วที่เราใช้กินน้ำทั่วไป
ซึ่งคริสตัลจะหนักกว่าและแข็งแรงกว่าจริงๆด้วยคุณสมบัติทนทานนี่เอง
ส่วนใหญ่เราจะใช้คริสตัลเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เช่น
หลอดเทอร์โมมิเตอร์ ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเครื่องไฟฟ้า
หรือไม่ก็ใช้ในห้องทดลองกัมมันตภาพรังสี
แต่ที่พลาดไม่ได้คือการนำคริสตัลมาเป็นผลงานศิลปะ เครื่องประดับสุดหรูคริสตัลกลายเป็นผลผลิตทางศิลปะตั้งแต่
ค.ศ.1676 ด้วยฝีมือของศิลปินชาวอังกฤษ นามจอร์จ
ราเวนสคอฟ และเพื่อนๆ ค้นพบว่าถ้านำคริสตัลมาเจียระไนแล้ว
มันจะกลายเป็นสิ่งที่วิเศษมหัศจรรย์ จากนั้นศิลปะคริสตัลก็เริ่มขยายไปทั่วยุโรปแต่ถ้าพูดถึงศิลปะและอัญมณีที่ทำจากแก้ว
เริ่มตั้งแต่สมัย 4000 ปีก่อนค.ศ.
โดยพบหลักฐานว่าชาวอียิปต์หลอมแก้วเป็นที่ใส่น้ำหอมขวดเล็กๆ ที่งดงาม
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า การเป่าแก้วเริ่มขึ้นที่ซีเรีย ช่วง 100
ปีก่อนค.ศ. จากนั้นค่อยๆกลายเป็นอุตสาหกรรมสำคัญ โดยในช่วงศตวรรษที่ 13-15
เป็นช่วงที่มีการนำเทคโนโลยีและการออกแบบมาทำให้แก้วแข็งแรงและสวยงามขึ้น
กิจการทำแก้วฟูเฟื่องมากขึ้นเรื่อยๆ
โดยเฉพาะที่เมืองเวนิซ ประเทศอิตาลี กลายเป็นศูนย์กลางของการทำแก้ว
สำหรับบริษัทที่ทำเครื่องแก้วคริสตัลชั้นนำของโลกปัจจุบันได้แก่ วอเตอร์ฟอร์ด
ในไอร์แลนด์ และโรกัสกา ในสโลเวเนีย ส่วนคริสตัลที่เป็นเครื่องประดับวางโชว์ในตู้กระจก
ได้แก่ของ สวารอฟสกี ของออสเตรีย
การดูตำหนิของคริสตัลค่อนข้างยาก
แต่ก็ไม่ถึงกับมองไม่เห็น ต้องส่องดีๆ คริสตัลบางอันจะมีรอยร้าว รอยขีดข่วน
ถ้าเป็นคริสตัลชั้นเลิศจะแทบไม่มีรอยตำหนิเลย และเนื้อแก้วจะใสมาก
จนกลายเป็นคำพูดที่หมายความว่า เข้าใจชัดแจ้งแจ่มแจ๋ว เช่น มีคนถามว่า “Are
you clear?” คุณเข้าใจชัดหรือเปล่า ก็ตอบตอบว่า “
Crystal!” หมายถึงสุดจะเข้าใจเลยล่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น